วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563

การกำหนดขอบเขตของปัญหา

 การกำหนดขอบเขตของปัญหา

การวิจัยทุกเรื่องจะต้องมีขอบเขตของการศึกษา เพื่อให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องผู้วิจัยไม่สามารถทำการวิจัยได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ปัญหาที่จะทำการวิจัยแน่นอนแล้ว ผู้วิจัยจะต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้ชัดเจนว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง  โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของปัญหาการวิจัยว่าจะศึกษาในเรื่องใด ศึกษากับใคร และศึกษาแง่มุมใด ทั้งนี้เพื่อตีกรอบความคิดของผู้วิจัยและผู้อ่านให้อยู่ในวงที่จำกัดไว้

การกำหนดขอบเขตของการวิจัยนั้น ตามปกติจะกำหนดในเรื่องของประชากร กลุ่มตัวอย่าง และตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย เช่น สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา

การเขียนขอบเขตของการวิจัย ผู้วิจัยอาจจะเขียนเป็นข้อความรวม ๆ หรือเขียนเป็นประโยคย่อย ๆ แยกหัวข้อกลุ่มตัวอย่างและตัวแปรก็ได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นที่นิยมกันมาก (วัดผลจุดคอม. 2553 : , คณะกรรมการฝึกอบรมและสอบความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย)

ตัวอย่าง การเขียนขอบเขตของการวิจัย แบบเขียนเป็นข้อความรวม ๆ หรือเขียนเป็นประโยคย่อย ๆ เช่น

ตัวอย่างที่ 1 งานวิจัยเรื่อง “ทัศนคติและพฤติกรรมการใช้บริการร้านค้าปลีกแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร”  กำหนดขอบเขตการวิจัยดังนี้

การวิจัยในครั้งนี้กลุ่มของประชากร คือ ผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 5,645,834 คน โดยจะทำการเลือกกลุ่มตัวอย่าง จำนวนทั้งสิ้น 625 ตัวอย่าง ซึ่งลักษณะของกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริโภคเพศชายหรือหญิง อายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไป และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป โดยต้องเป็นผู้ที่กำลังซื้อสินค้าหรืออยู่ในบริเวณของร้านค้าปลีกแบบซุปเปอร์มาร์เก็ต ระยะเวลาทำการวิจัยตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 มิถุนายน 2543 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 151 วัน

 ตัวอย่างการเขียนขอบเขตการวิจัยแบบแยกหัวข้อกลุ่ม ตัวอย่างและตัวแปร

ตัวอย่างที่ 1  การวิจัยเรื่อง “การศึกษาความมีน้ำใจของครู ความอยากรู้อยากเห็น ความเอื้อเฟื้อ และเพทุบาย ของนักศึกษาปีที่ 1 – 4 วิทยาลัยครูนครปฐม” ได้จำกัดขอบเขตของกลุ่มตัวอย่างและตัวแปรไว้ดังนี้ (นิภา บุณยศรีสวัสดิ์. 2517.)

1. กลุ่มตัวอย่าง ในการศึกษาครั้งนี้กระทำกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 – 4 ปีการศึกษา 2516 วิทยาลัยครูนครปฐม จำนวน 400 คน เป็นชาย 206 คน หญิง 194 คน และเนื่องจากการรับนักศึกษาเข้าเรียนในระดับชั้นปีที่ 1 มีจำนวนใกล้เคียงกันทุกปี ฉะนั้น นักศึกษาในปีที่ 1 – 4 จึงมีจำนวนใกล้เคียงกัน การสุ่มตัวอย่างจึงสุ่มมาระดับละ 100 คน เท่านั้น

2. ตัวแปรที่ศึกษา

2.1 ตอนหาความสัมพันธ์ มีตัวแปร 4 ตัว คือ

– ความมีน้ำใจของครู

– ความอยากรู้อยากเห็น

– ความเอื้อเฟื้อ

– ความมีเพทุบาย

2.2 ตอนเปรียบเทียบ

ตัวแปรอิสระ

– เพศ (ชาย – หญิง)

– ระดับชั้นเรียน

ตัวแปรตาม

– ความมีน้ำใจของครู

– ความอยากรู้อยากเห็น

– ความเอื้อเฟื้อ

– เพทุบาย

ตัวอย่างที่ 2  วิทยานิพนธ์เรื่อง “ศึกษาการนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาโทรทัศน์ของผู้กำกับ สุธน เพ็ชรสุวรรณ”  มีขอบเขตการศึกษาดังนี้ (เขมพัทธ์ พัชรวิชญ์. 2548)

การศึกษาครั้งนี้จะเป็นการศึกษากรณีด้านแนวคิดในการนำเสนอในภาพยนตร์โฆษณาที่กำกับโดยนายสุธน  เพ็ชรสุวรรณ ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ในประเทศไทยเท่านั้น ระหว่างปี พ.ศ. 2536 – พ.ศ. 2547 รวมระยะเวลา 11 ปี

ภาพยนตร์โฆษณาที่คัดเลือกในการศึกษานี้ จะคัดเลือกจากภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รับรางวัลในงานการประกวดโฆษณายอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย (Top Advertising Contest of Thailand Awards) งานประกวดโฆษณาภาคพื้นเอเชีย (Asia Pacific Advertising Festival) และงานเทศการประกวดโฆษณานานาชาติ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส (Cannes Lions International Advertising) เท่านั้น

การกำหนดขอบเขตของปัญหาที่ชัดเจนและแน่นอน จะช่วยผู้วิจัยได้ดังนี้ (อรุณศรี เตชะเรืองรอง, กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์)

1)  วางแผนรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะสม

2)  รู้ถึงเทคนิคต่างๆ ที่เหมาะสมในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการแปลผลการวิจัย

3)  มองเห็นภาพอย่างชัดเจนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โครงงาน